Search for:
  • Home/
  • Games News/
  • ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดอ่อนค่า "ต่อเนื่อง" ตามเงินหยวน

ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดอ่อนค่า "ต่อเนื่อง" ตามเงินหยวน

ค่าเงินบาทอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว โดยยังเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่าต่อจากสัปดาห์ก่อน เนื่องจากตลาดกังวลสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศจีน โดยเมื่อวานนี้ดัชนีและข้อมูลเศรษฐกิจของจีนหลายตัวออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้เงินหยวนมีทิศทางอ่อนค่า โดย PBOC เผยยอดปล่อยกู้แบงก์เดือนก.ค.ต่ำสุดในรอบ 14 ปี ,ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนก.ค.ชะลอตัวลงเหลือ 3.7%อจากระดับ 4.4% ในเดือนก่อนหน้าและยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเพียง2.5 % จาก 3.1% ในเดือนก่อนหน้า

ค่าเงินบาทอ่อนค่าตามเงินหยวน กังวลเศรษฐกิจจีน

ทำให้ล่าสุดธนาคารกลางจีน ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% เพื่อหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจและเลี่ยงภาวะเงินฝืด ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยนอกเหนือจากที่ตลาดคาดไว้บ่งชี้ความกังวลของทางการจีนเกี่ยวกับสถานะของเศรษฐกิจมหภาคกำลังเพิ่มสูงขึ้น

คาดว่าค่าเงินบาทยังคงถูกกดดันในทิศทางอ่อนค่าโดยได้แรงสนับสนุนจากข้อมูลยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดในสหรัฐฯ เดือนก.ค.ที่เพิ่มขึ้น 3.17% YOY (คาดการณ์ 1.5% ) และเพิ่มขึ้น 0.7% MOM (คาดการณ์ 0.4%) บวกกับสัญญาณขายสุทธิพันธบัตรและหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองของไทยที่ยังมีความไม่แน่นอน โดย fund flow เมื่อวานนักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรสุทธิ 3,409 ล้านบาท และขายหุ้นไทยสุทธิ 3,816 ล้านบาทคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ราคาน้ำมันดิบทรงตัว เศรษฐกิจจีนย่ำแย่ช่วยกดราคาน้ำมันโลก

 ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดอ่อนค่า "ต่อเนื่อง" ตามเงินหยวน

ราคาทองวันนี้ ปิดตลาด "ไม่ขยับ" สวนทางทองนอกร่วง เพราะบาทอ่อน

ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) แนะนำผู้นำเข้าควรซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า เพื่อปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

ด้านกลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท ในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.90-35.50 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 35.06 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.62-35.19 บาท/ดอลลาร์ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือน

เงินดอลลาร์เดินหน้าแข็งค่าเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยิลด์)สหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นถึงแม้ข้อมูลบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อชะลอตัวลง โดยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนก.ค.ของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 3.2% เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 3.0% ในเดือนมิ.ย. ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 4.7% ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี

ท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้จากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ดัชนีราคาผู้ผลิตรวมถึงผลประมูลพันธบัตรท้ายสัปดาห์ดึงบอนด์ยิลด์ขึ้นโดยเฉพาะตราสารระยะยาว ขณะที่สัญญาล่วงหน้าสะท้อนว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยนโยบายในกรอบ 5.25-5.50% ทั้งนี้ จะมีข้อมูล CPI อีกหนึ่งชุดก่อนการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย. ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 116 ล้านบาท และขายพันธบัตร 17,835 ล้านบาท โดยมีตราสารหนี้ครบอายุ 7,161 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี ระบุว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ของสหรัฐฯ รวมถึงรายงานการประชุมนโยบายเฟดเมื่อวันที่ 25-26 ก.ค. โดยในกรณีที่ข้อมูลยังแข็งแกร่งและเฟดยึดเหนี่ยวกับมุมมองที่ว่าภาวะเงินเฟ้อยังไม่คลายตัวลงในระดับที่เฟดพอใจ นักลงทุนอาจปรับเลื่อนการคาดการณ์เกี่ยวกับจังหวะเวลาสำหรับการลดดอกเบี้ยครั้งแรกออกไป

นอกจากนี้ หากผู้ร่วมตลาดกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนมากขึ้นท่ามกลางภาวะตึงเครียดในภาคอสังหาริมทรัพย์ เรามองว่าเงินดอลลาร์จะแกว่งตัวในกรอบที่แข็งค่าต่อไปในระยะสั้นนี้

สำหรับประเด็นในประเทศ มองว่า ผู้ว่าการธปท.ให้ความเห็นว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่องจากการบริโภคภาคเอกชนและการท่องเที่ยว แต่คาดว่าธปท.จะปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในปีนี้ และปี 2567 ลงจากเดิมที่คาดไว้ที่ 3.6% และ 3.8% ตามลำดับ เนื่องจากภาคส่งออกชะลอตัว

ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 27 ก.ย. ผู้ว่าการฯระบุว่ามีโอกาสทั้งการคงดอกเบี้ยหรือปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ไม่ได้วิตกเกี่ยวกับความล่าช้าในการตั้งรัฐบาลมากนัก อย่างไรก็ดี ธปท.มองว่านโยบายของรัฐบาลใหม่ไม่ควรเน้นประชานิยมสุดโต่ง แต่ควรให้ความสำคัญกับเสถียรภาพในระยะยาว